วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิดิโอคลิป3/5

ประวัติความเป็นมาของวันลอยกระทง

ประวัติความเป็นมาของวันลอยกระทง


          ประเพณีลอยกระทงนั้น ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อใด แต่เชื่อว่าประเพณีนี้ได้สืบต่อกันมายาวนานตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง เรียกประเพณีลอยกระทงนี้ว่า "พิธีจองเปรียญ" หรือ "การลอยพระประทีป" และมีหลักฐานจากศิลาจารึกหลักที่ 1 กล่าวถึงงานเผาเทียนเล่นไฟว่าเป็นงานรื่นเริงที่ใหญ่ที่สุดของกรุงสุโขทัย ทำให้เชื่อกันว่างานดังกล่าวน่าจะเป็นงานลอยกระทงอย่างแน่นอน

          ในสมัยก่อนนั้นพิธีลอยกระทงจะเป็นการลอยโคม โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสันนิษฐานว่า พิธีลอยกระทงเป็นพิธีของพราหมณ์ จัดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า 3 องค์ คือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ต่อมาได้นำพระพุทธศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงให้มีการชักโคม เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ และลอยโคมเพื่อบูชารอยพระบาทของพระพุทธเจ้า
          ก่อนที่นางนพมาศ หรือ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ สนมเอกของพระร่วงจะคิดค้นประดิษฐ์กระทงดอกบัวขึ้นเป็นคนแรกแทนการลอยโคม ดังปรากฎในหนังสือนางนพมาศที่ว่า

          "ครั้นวันเพ็ญเดือน 12 ข้าน้อยได้กระทำโคมลอย คิดตกแต่งให้งามประหลาดกว่าโคมสนมกำนัลทั้งปวงจึงเลือกผกาเกษรสีต่าง ๆ มาประดับเป็นรูปกระมุทกลีบบานรับแสงจันทร์ใหญ่ประมาณเท่ากงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อนสีสลับให้ป็นลวดลาย..."

          เมื่อสมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จฯ ทางชลมารค ทอดพระเนตรกระทงของนางนพมาศก็ทรงพอพระราชหฤทัย จึงโปรดให้ถือเป็นเยี่ยงอย่าง และให้จัดประเพณีลอยกระทงขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยให้ใช้กระทงดอกบัวแทนโคมลอย ดังพระราชดำรัสที่ว่า "ตั้งแต่นี้สืบไปเบื้องหน้า โดยลำดับกษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลกำหนดนักขัตตฤกษ์วันเพ็ญเดือน 12 ให้ทำโคมลอยเป็นรูปดอกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานทีตราบเท่ากัลปาวสาน" พิธีลอยกระทงจึงเปลี่ยนรูปแบบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา


          ประเพณีลอยกระทงสืบต่อกันเรื่อยมา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น สมัยรัชกาลที่ 1 ถึง รัชกาลที่ 3 พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนขุนนางนิยมประดิษฐ์กระทงใหญ่เพื่อประกวดประชันกัน ซึ่งต้องใช้แรงคนและเงินจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ทรงเห็นว่าเป็นการสิ้นเปลือง จึงโปรดให้ยกเลิกการประดิษฐ์กระทงใหญ่แข่งขัน และโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ทำเรือลอยประทีปถวายองค์ละลำแทนกระทงใหญ่ และเรียกชื่อว่า "เรือลอยประทีป" ต่อมาในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ได้ทรงฟื้นฟูพระราชพิธีนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ปัจจุบันการลอยพระประทีปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกระทำเป็นการส่วนพระองค์ตามพระราชอัธยาศัย

ประวัติโรงเรียนอำนาจเจริญ (ตั้งแต่เริ่มต้น)

  โรงเรียนอำนาจเจริญอำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ ได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งและทำการสอนเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2494 ตามหนังสือจังหวัดที่ 5858/2494 ลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2494 ในสมัยนายสมัย วัฒนสุข ดำรงตำแหน่ง ศึกษาธิการจังหวัดอำนาจเจริญ การจัดการศึกษาได้พัฒนาเป็นลำดับดังนี้
•  พ.ศ. 2494 จัดตั้งและเปิดสอนในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2494 โดยใช้โรงเรียนบุ่งชาญวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา เปิดทำการสอน ชั้น ม.1 จำนวน 1 ห้องเรียน มีนักเรียน 40 คน ครู 3 คน
•  พ.ศ. 2495 ย้ายจากโรงเรียนบุ่งชาญวิทยา ไปเรียนที่ศาลาวัดสำราญนิเวศน์ เนื่องจากโรงเรียนบุ่งชาญวิทยา รื้ออาคารเพื่อปลูกสร้างอาคารใหม่ เปิดทำการสอนระดับ ม.1 ม.2 รวม 2 ห้องเรียน นักเรียนทั้งหมด 77 คน ครู 5 คน นายเพียร จันทาป รักษาการแทนครูใหญ่
•  พ.ศ. 2496 เปิดทำการสอน ชั้น ม.1 ม.2 และ ม.3 นักเรียน 120 คน ครู 6 คน
•  พ.ศ. 2497 ย้ายจากวัดสำราญนิเวศน์ ไปเรียนที่โรงเรียนบุ่งชาญวิทยาเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2497 นายสุจริต จันทกาญจน์ รักษาแทนครูใหญ่
•  พ.ศ. 2499 เปิดทำการสอน 4 ห้องเรียน คือ ม.1 – ม.4 จำนวนนักเรียน 179 คน ครู 9 คน นายสุจริต จันทกาญจน์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นครูใหญ่ คนแรก ได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียนไม้ 2 ชั้น 1 หลัง 8 ห้องเรียน จำนวน 229,000 บาท บ้านพักครู 2 หลัง สร้างที่สนามม้าซึ่งเป็นที่ปัจจุบัน
•  พ.ศ. 2500 ย้ายจากโรงเรียนบุ่งชาญวิทยา มาเรียนที่อาคารใหม่ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2500 ครู 9 คน ได้รับงบประมาณ 1,400 บาท สร้างส้วม 2 หลัง
•  พ.ศ. 2501 เปิดทำการสอน ม.1 – ม.6 จำนวน 6 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 272 คน ครู 13 คน
•  พ.ศ. 2504 เปิดสอน 6 ห้องเรียน ครู 15 คน ได้รับงบประมาณ 15,000 สร้างโรงอาหาร 1 หลัง เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2504
•  พ.ศ. 2506 เปิดทำการสอน ม.ศ.1 –ม.ศ 3 จำนวน 6 ห้องเรียน ครู 15 คน ภารโรง 2 คน
•  พ.ศ. 2507 ผู้ปกครองบริจาคสร้างรั้ว 10,000 บาท
•  พ.ศ. 2508 เปิดทำการสอน ม.ศ.1- ม.ศ.3 8 ห้องเรียน ได้รับงบประมาณ 90,000 บาท สร้างโรงฝึกงาน1 หลัง และใช้เงิน บกศ. สร้างลวดหนาม 3,600 บาท
•  พ.ศ. 2509 ศิษย์เก่าบริจาคสร้างเสาธง 1,500 บาท
•  พ.ศ. 2510 เปิดสอน 9 ห้องเรียน ม.ศ.1 – ม.ศ.3 นักเรียน 314 คน ครู 14 คน ภารโรง 3 คน ได้รับงบประมาณ 50,000 สร้างบ้านพักครู 1 หลัง
•  พ.ศ. 2512 ศิษย์เก่าบริจาค 2,000 บาท สร้างรั้วประตู ได้รับงบประมาณ 240,000 บาท สร้างอาคารไม้ สร้างหอประชุม 200,000 บาท
•  พ.ศ. 2513 เปิดสอน ม.ศ.1 – ม.ศ.3 12 ห้องเรียน ครู 22 คน ได้รับงบประมาณ 30,000 บาท สร้างส้วม 3 หลัง และงบประมาณ 70,000 บาท สร้างอาคารคหกรรม
•  พ.ศ. 2514 ได้รับงบประมาณ 100,000 บาท สร้างบ้านพักครู 2 หลัง และได้รับงบประมาณ 486,000 บาท
•  พ.ศ. 2515 ได้รับงบประมาณ 100,000 บาท สร้างบ้านพักครู 2 หลัง งบประมาณ 42,000 บาท สร้างบ้านพักภารโรง 1 หลัง 42,500 สร้างส้วม 1 หลัง
•  พ.ศ. 2517 ได้รับงบประมาณต่อเติมอาคารเรียนแบบ 216 จำนวน 6 ห้องเรียน 480,000 บาท
•  พ.ศ. 2518 ได้รับอนุญาต ให้เปิดทำการสอนระดับ ม.ปลาย จำนวน 2 ห้องเรียน 70,000 บาท สร้างส้วม 2 หลัง ด้วยเงินงบประมาณ 60,000 สร้างอาคารชั่วคราว 1 หลัง โดยผู้ปกครองนักเรียนให้การช่วยเหลือ เปิดสอนม.ศ.4 หลักสูตร 2518
•  พ.ศ. 2519 ได้รับงบประมาณ สร้างบ้านพักครู 1 หลัง ราคา 80,000 บาท บ้าพักภารโรง 1 หลัง ราคา 40,000 บาท และสร้างอาคารเรียนแบบ 216 ก. 1 หลัง ราคา 1,040,000 บาท
•  พ.ศ. 2521 เปิดสอนชั้น ม.ศ.1 – ม.ศ.5 จำนวน 46 ห้องเรียน นักเรียน 1,836 คน ครู 98 คน นายสุจริต จันทกาญจน์ ย้ายไปรักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมตระการพืชผล นายณรงค์ ไชยกาล ย้ายจากโรงเรียนกันทรารมย์ มารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอำนาจเจริญ ได้รับงบประมาณ 300,000 บาทสร้างอาคารเรียนชั่วคราว 10 ห้องเรียน และต่อเติมอาคารเรียนแบบ 216 ก. จำนวน 8 ห้องเรียน
•  พ.ศ. 2522 การจัดห้องเรียน 8-8-1-1-9-0 ชั้น ม.1 – ม4 สอนตามหลักสูตร พ.ศ.2521 ม.ศ.4 –ม.ศ.5 สอนตามหลักสูตร 2518 มีห้องเรียน 8ห้องเรียน นักเรียน 2,247 คน ครู 114 คน นายเกษม คำทวี ย้ายจากโรงเรียนกันทรารมย์ มารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอำนาจเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนเดชอุดม เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2524 วันที่ 1 ตุลาคม 2524 นายเกษม คำทวี ได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่โรงเรียนเบญจะมะหาราช จังหวัดได้แต่งตั้งให้นายเปลี่ยน อุปริวงศ์ รักษาการแทนผู้อำนวยการชั่วคราว จนถึงวันที่ 9 ตุลาคม 2524 นายokนายสมพงษ์ โลมะรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมะมหาราชได้มารักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนอำนาจเจริญ เป็นการชั่วคราว
•  พ.ศ.2526 เปิดสอนระดับ ม.1 – ม.6 การจัดชั้นเรียน 8-8-8/12-10-9 จำนวนนักเรียน 2552 คน ครู 124 คน ภารโรง 12 คน นายมนู ส่งเสริม ได้ย้ายมารักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้รับงบประมาณ 130,000 บาท จัดซื้อวัสดุ วิชาอุตสาหกรรม และ 40,0 บาท จัดซื้อวัสดุ วิชาศิลป์
•  พ.ศ. 2527 เปิดสอนระดับ ม.1 – ม.6 การจัดแผนการเรียน 8-8-8/12-12-10 ครู 140 คน นักการภารโรง 12 คน ยาม 1 คน
•  พ.ศ. 2528 เปิดสอนตั้งแต่ ม.1 – ม. 6 จัดแผนการเรียน 8-8-8/12-12-12 นักเรียน 2,818 คน ครู 132 คน ได้รับงบประมาณก่อสร้างหอประชุมเอนกประสงค์จำนวน 2,000,000 บาท
•  พ.ศ. 2529 เปิดสอน ม.1 – ม.6 การจัดแผนการเรียน 8-8-8/12-12-12 นักเรียน 2,678 คน ครู 133 คน ได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารอุตสาหกรรม เป็นเงิน 1,560,000 บาท
•  พ.ศ. 2530 เปิดสอน ม.1 – ม.6 การจัดแผนการเรียน 8-8-8/12-11-12 ครู 134 คน ได้รับงบประมาณก่อสร้างบ้านพักครู 1 หลัง และสร้าง 1 หลัง งบประมาณ 300,000 บาท
•  พ.ศ. 2532 เปิดสอน ม.1 – ม.6 การจัดแผนการเรียน 8-8-8/12-12-12 ครู 137 คนนักเรียน 2,331คน วันที่ 31 ตุลาคม 2532 นายเจริญ ช่วงชิง ได้ย้ายมาดำรงตำแหน่ง โรงเรียนอำนาจเจริญ นายมนู ส่งเสริม ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเดชอุดม ในวันที่ 31 ตุลาคม 2532
•  ปีการศึกษา 2533 โรงเรียนอำนาจเจริญ ได้รับการกำหนดให้เป็นโรงเรียนร่วมพัฒนาหลักสูตรการใช้หลักสูตรมัธยมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2533) ร่วมกับ 550 โรงเรียนทั่วประเทศ
•  ปีงบประมาณ 2533 โรงเรียนได้รับอนุมัติจากกรมสามัญศึกษา ให้เปิดรับนักเรียนทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามแผนการจัดชั้นเรียน10-8-8/10-8-12 รวม 56 ห้องเรียน นักเรียน 2,249 คน ครู –อาจารย์ 135 คน นักการภารโรง 14 คน ยาม 3 คน
•  ปีการศึกษา 2534 โรงเรียนได้รับอนุมัติให้เปิดโรงเรียนสาขาที่ตำบลนาวัง มีนักเรียน ม.1 จำนวน 61 คน และได้อาศัยอาคารเก่าในโรงเรียนบ้านโคกช้างฮ้าย เป็นที่เรียนชั่วคราว
•  ปีการศึกษา 2535 โรงเรียนได้รับอนุมัติให้เปิดโรงเรียนสาขาเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง คือ โรงเรียนอำนาจเจริญ สาขาตำบลนาจิก 2 ห้องเรียน มีนักเรียน 62 คน และสาขาตำบลสร้างนกทา 2 ห้องเรียน มีนักเรียน 46 คน
•  ปีการศึกษา 2536 โรงเรียนอำนาจเจริญมีนักเรียนทั้งสิ้น 2,509 คน นักเรียนโรงเรียนอำนาจเจริญ สาขาตำบลนาวัง 192 คน สาขาตำบลนาจิก 142 คน และสาขาตำบลสร้างนกทา 126 คน
•  ปีการศึกษา 2537 โรงเรียนได้รับอนุมัติให้เปิดโรงเรียนสาขาตำบลบุ่ง เพื่อเตรียมจัดตั้งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำจังหวัดอำนาจเจริญแห่งที่ 2 รับนักเรียน ม.1 ได้ 2 ห้องเรียน โรงเรียนสาขาตำบลนาวังได้รับประกาศจัดตั้งเป็นเอกเทศชื่อโรงเรียนนาวังวิทยา
•  ปีการศึกษา 2538 มีนักเรียนทั้งสิ้น 2,509 คน (13-12-12/12-10-9) สาขาตำบลบุ่ง 217 คน (3-2-0) สาขาตำบลสร้างนกทา 187 คน (2-2-2) สาขาตำบลนาจิก ได้รับประกาศจัดตั้งเป็นเอกเทศชื่อ โรงเรียนนาจิกพิทยาคม
•  ปีการศึกษา 2539 มีแผนชั้นเรียน 12-13-12/13-12-10 สาขาตำบลบุ่ง 3-3-2 สาขาตำบลสร้างนกทา 2-2-2 และได้รับงบประมาณก่อสร้างห้องน้ำ ห้องส้วมนักเรียน จำนวน 1 หลัง
•  ปีการศึกษา 2540 มีแผนชั้นเรียน 14-12-13/14-13-12 สาขาตำบลบุ่ง 3-3-2 สาขาตำบลสร้างนกทา 3-2-2 ได้ย้ายนักเรียนสาขาตำบลบุ่งไปเรียนที่บ้านดอนหวายตาใกล้ โดยก่อสร้างอาคารเรียนชั่วคราว 2 หลัง
•  ปีการศึกษา 2541 มีแผนชั้นเรียน 14-14-12/14-14-13 สาขาตำบลบุ่ง และสาขาตำบลสร้างนกทา ได้รับประกาศจัดตั้งเป็นเอกเทศชื่อ โรงเรียนอำนาจเจริญ 2 และโรงเรียนสร้างนกทาวิทยาคม
•  ปีการศึกษา 2542-2547 โรงเรียนสามารถรับนักเรียนให้เป็นไปตามแผนการจัดชั้นเรียนที่กรมอนุมัติทุกประการ แผนจัดชั้นเรียนเต็มรูป คือ 12-12-12/14-14-14 รวม 78 ห้องเรียน
•  วันที่ 5 ธ.ค. 43 รับมอบพระพุทธรูปพร้อมฐานไว้ประจำโรงเรียน
•  12 มิถุนายน 2544 โรงเรียนได้ประกอบพิธีเปิดอาคาร 5 อาคาร 32ล/41 หลังคาทรงไทยมูลค่า 19 ล้านเศษ และรับมอบโรงอาหารตามโครงการ "ธนาคารน้ำใจ" จาก 5 องค์กรหลักมูลค่า 2 ล้านบาท
•  14 กุมภาพันธ์ 2545 โรงเรียนได้รับบริจาคที่ดินแปลงที่ 2 จากสำนักงานปศุสัตว์จังหวัด เนื้อที่ 15 ไร่ 3 งาน 15 ตารางวา เพื่อสร้างสนามกีฬา และรับมอบสนามกีฬามูลค่า 1.4 ล้านบาท จากกรมพลศึกษา
•  12 เมษายน 2545 โรงเรียนได้รับมอบศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดให้เป็นแหล่งเรียนรู้ โดยได้รับวัสดุฉางข้าวจาก ร.พ.ช. และค่าก่อสร้างจากชุมชน มูลค่า 3 ล้านบาท
•  1 มกราคม 2546 พิธีเปิดศูนย์การเรียนรู้ โดยปรับปรุงจากโครงสร้างเดิมของโรงอาหาร
•  ปีการศึกษา 2546 มีแผนชั้นเรียนเป็น 12-11-11/14-14-14 รวม 76 ห้องเรียน
•  ปีการศึกษา 2547 ปรับปรุงศูนย์การเรียนรู้ให้เป็นห้องสมุด ICT
•  ปีการศึกษา 2548 ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก บริษัท เกียรติสุรนนท์ จำกัด ในการก่อสร้างอาคาร ICT จำนวนเงิน 7 ล้านบาท และโรงเรียนได้ดำเนินการ ปรับปรุงอาคารเรียน ห้องเรียน ห้องทำงาน ฝ่ายบริหาร ครู อาจารย์ ตามโครงการห้องเรียนน่าอยู่ มีแผนการจัดชั้นเรียน 12-11-11/14-14-14 รวม 76 ห้องเรียน ครูอาจารย์ 124 คน นักเรียน 3,224 คน ลูกจ้างประจำ 14 คน ลูกจ้างชั่วคราว 6 คน
•  ปีการศึกษา 2549 โรงเรียนได้จัดชั้นเรียนเป็น 14-11-11/11-11-11 รวม 69 ห้องเรียน มีนักเรียน 3531 คน ครูอาจารย์ 126 คน นักการภารโรง 14 คน พนักงานและลูกจ้างชั่วคราว 7 คน

alt   alt

ประวัติวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก

กุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยความสุขการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่ เราปรารถนาดีและ
อยากให้เขามีความสุข และเป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักหรือ Valentine’s Day และวันนี้ยังมีคิวปิด หรือกามเทพ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คิวปิดเป็นบุตรของวีนัสและมาร์ส แต่ ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของ คิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จัก
ก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักใจคน ปัจจุบัน คิวปิดและธนูของเขากลายมาเป็น เครื่องหมายแห่งความรักที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุด และความรักของเขามีกล่าวถึงบ่อยในภาพของ การยิงศรรัก ระหว่าง หัวใจสองดวงให้รักกัน เรียกกันว่า ศรรักคิวปิด เราจึงมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยว กับประวัติความเป็นมาและความสำคัญ ของวันนี้กันค่ะ

เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การ ดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine”
.
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้



วาเลนไทน์ ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีหรือการ ปฏิบัติที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว จะมีการเฉลิมฉลองและเป็นการแสดงถึง ความรัก
ที่มีระหว่างกัน ต่อมาเมื่อความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางด้าน การพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้องมีการพิมพ์บัตร อวยพรโดยเข้ามาแทนที่จดหมายที่เขียนด้วยลายมือ และปัจจุบันก็มีการส่งบัตรอวยพรทางออนไลน์เพื่อ
แสดงถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วย ให้คนที่ต้องการ
แสดงความรักความห่วงใย ถึงคนที่รักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ประวัติ วันวาเลนไทน์นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบัน เท่าที่ค้นหามาได้นี้เป็นเพียง หนึ่งในหลายๆเรื่องเท่านั้น แต่ไม่ว่าประวัติ ที่แท้จริง จะเป็นอย่างไรก็ตาม ใน ปัจจุบัน นี้เราได้ถือว่าวันวาเลนไทน์เป็น วันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยที เดียว คุณสามารถส่งดอกไม้ ขนมและ การ์ด เพื่อบอกความนัยให้แก่คนพิเศษ ของคุณ วันนี้จะเป็นวันที่เราส่งความรู้สึก ดีๆให้แก่กัน...
<><>
<>
























วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผู้จัดทำ

1.ด.ญ.สุภาวดี  วิเศษแก้ว เลขที่ 16
2.ด.ญ.อนุสสรา บุญมี  เลขที่ 29
3.ด.ญ.กรรณิการ์ จันดีเทพ เลขที่ 30
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5